หลายวันที่ผ่านๆมาอย่างช้าๆ หลายข่าวที่เขามาในหัวทำคิดอะไรไม่เป็นตกเลย 
มีอยู่ข้าวหนึ่งที่เป็นที่น่าสนใจคือ "มนุษย์แห่งกาลเวลา" หรือีกอย่างคือ "คนจากโลกอานาคต"
เรื่องมีอยู่ว่า 
เดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ได้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตผ่านทางภาพถ่ายโดยหนึ่งในภาพถ่ายนั้นเป็นภาพกลุ่มคนมุงดูเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 1941  
ท่าม กลางฝูงชนในภาพ มีชายคนหนึ่งแต่งกายผิดแผกแตกต่างไปจากผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเขามีทรงผมล้ำสมัย สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อยืดสวมเสื้อแจ๊กเกตทับ อันเป็นแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 70 ปีก่อน แต่ที่สำคัญกว่าการแต่งกายคือชายคนนี้ถือกล้องถ่ายรูปพกพาที่ยังไม่ผลิตออก จำหน่ายในสมัยนั้น
ภาพ ถ่ายใบนี้เป็นภาพถ่ายโบราณของพิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ไม่ใช่ภาพถ่ายทั่วๆไปที่คนมือบอนจะนำตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิคได้พิสูจน์แล้วว่าภาพนี้เป็นภาพ ถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่ง มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่ามีคนจากอนาคตเดินทาง ย้อนเวลามาสู่อดีตจริง
ภาพ ถ่ายภาพนี้จึงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ใน สังคมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายคนพยายามสืบค้นว่าบุคคลแปลกปลอมในภาพถ่ายเป็นใคร มาจากไหน ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องการเดินทางย้อนเวลาก็พยายามหาข้อมูลมาหัก ล้าง ซึ่งผลการดีเบตระหว่างคน 2 ฝ่ายนี้จะเป็นอย่างไรเราก็ต้องคอยติดตามข่าวกันต่อไป 
แล้วก่อนหน้านี้ก็เกิดเรื่องอย่างนี้อีก
เดือน มกราคม 2003 หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์ (Weekly World News) ตีพิมพ์ข่าวเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน (Andrew Carlssin) วัย 44 ปี ในข้อหานำข้อมูลลับภายในไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Security and Exchange Commission) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายแอนดรูว์ โดยสงสัยว่าเขานำข้อมูลลับของบริษัทมหาชนต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ไปแสวงหาผล ประโยชน์ให้กับตนเอง เพราะแอนดรูว์สร้างความร่ำรวยในเวลาเพียงชั่วพริบตาด้วยการลงทุนเพียง 800 ดอลลาร์ซื้อหุ้นต่างๆแล้วขายออกไป นำเงินที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวใหม่แล้วทำชอร์ตเซลขายออกไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเงินทุนเริ่มต้น 800 ดอลลาร์เพิ่มพูนขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
แอ นดรูว์รับสารภาพโดย ให้การว่าเขามีข้อมูลว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นในช่วงเวลานั้น เพราะเขามาจากโลกอนาคตในปี 2556 เขาเพียงศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ นำความรู้ที่ได้ติดตัวเดินทางย้อนอดีตมาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช้อนซื้อ หุ้น
เดิมทีนั้นเขาตั้งใจจะลงทุนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต หากแต่ความโลภทำให้เขาหักห้ามใจไม่อยู่ เทเงินที่หามาได้ในช่วงแรกๆลงทุนซื้อหุ้นที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีราคา สูงขึ้น จนกระทั่งไปสะดุดตาเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.
หายตัวอย่างลึกลับ
แอ นดรูว์หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ตำรวจควบ คุมตัวขึ้นศาลพร้อมกับข่าวคราวการจับกุมตัวเขา ไม่มีสื่อใดๆเสนอข่าวนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ FBI เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วน
ปี 2006 แอนดรูว์โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์อีกครั้ง เขาไม่ยอมเปิดเผยว่าสามารถเล็ดลอดจากการควบคุมตัวมาได้อย่างไร โดยบอกแต่เพียงว่าตอนนี้เขาทำงานบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่งใน แคนาดา
เช่นเคย เขาใช้ข้อมูลที่เป็นประวัติศาสตร์ในยุคสมัยเขาล่วงรู้ว่า “ทรายน้ำมัน” (Tar Sands) เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่จะมาทดแทนบ่อน้ำมันตามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะทรายน้ำมันอัลเบอร์ตา (Alberta Tar Sands) ของประเทศแคนาดาเพียงแห่งเดียว สามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 3 แสนล้านบาร์เรล 
ถ้าเราเอา นี้มานับรวมกับมนุษย์ต่าดาวด้วยแล้วล่ะก็

ปกติมักจะเป็นที่ร่ำลือกันบ่อย ๆ ในต่างประเทศ แต่ก็ใช่ว่าในเมืองไทยเราจะไม่มีการกล่าวอ้างว่าได้ “เห็น” สิ่งมีชีวิตที่เชื่อว่ามาจากนอกโลก หรือที่เรียกกันว่า “มนุษย์ต่างดาว”
“...รูปร่างคล้ายคนแคระ ไม่สวมเสื้อผ้า ระบุเพศไม่ได้ สูงประมาณ 70 ซม. ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต ตาโตสีน้ำตาลเป็นมันวาว ไม่มีจมูก ปากบางเล็ก หน้าอกแบนราบ ลักษณะร่างกายไม่กลมมนเหมือนมนุษย์ ถ้ามองจากด้านข้างจะแบนราบ...”
...นี่คือลักษณะคร่าว ๆ ของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีคนอ้างว่าพบเห็นในเมืองไทยล่าสุด ที่ทุ่งนาพื้นที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ย. 2548 หลังจากที่คืนวันที่ 2 ก.ย. มีการกล่าวอ้างว่าพบเห็นลูกไฟลึกลับตกพุ่งลงมาจากฟ้าในบริเวณดังกล่าว !?!
ไม่ใช่แค่คนเดียวที่อ้างว่าเห็น...แต่เป็นสิบคน ไม่ใช่การอ้างว่าเห็นในระยะไกล...แต่ใกล้แค่ประมาณ 10 เมตร และไม่ใช่อ้างว่าเห็นแค่บนพื้นดินแวบเดียวแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย...แต่เห็นวนเวียนในท้องนาเหมือนหาอะไรอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนจะค่อย ๆ ลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นดินไปอยู่เหนือยอดไม้สูงประมาณ 10 เมตร จากนั้นก็หยุดแล้วหันหน้ามองลงมายังกลุ่มคนที่อ้างว่าเห็น ก่อนจะพุ่งลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับตาไป ?!?
อีกครั้ง...ที่มีการร่ำลือว่า “มนุษย์ต่างดาว” โผล่ในไทย
คราวนี้เรื่องราวชวนให้ฮือฮา...ทั้งยังโผล่ในนาข้าว !?!
เรื่องราวเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” นั้น เป็นเรื่องชวนให้สนใจของผู้คนทั่วโลก...รวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งในเมืองไทยเราก็มีบุคคลระดับ “นักวิชาการ” ให้ความสนใจ และบางคนก็ระบุว่า “เคยเห็น” หรือเคยติด ต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง “จิต” หรือจากการฝึกทำ “สมาธิ”
เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2540 เคยมีการจัดสัมมนาเรื่อง “มนุษย์ต่างดาว” ซึ่งเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และในการสัมมนาถึงกับมีการระบุว่า...มนุษย์ต่างดาวจะ “บุกโลก” ในอีก 25 ปี หรือในปี 2565 โดยมีการวางแผนแบ่งกำลังกันบุกเป็นโซน ๆ ของโลก ทั้งแถบทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และรวมถึงทวีปเอเชีย
“...14 ครั้งที่ผมเคยเห็น จานบิน มีลักษณะแตกต่างกันไปบ้าง มีอยู่ครั้งเดียวที่เห็นเป็นจานกลม ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์ นอกนั้นจะอยู่ไกลซึ่งมองเห็นไม่ชัดด้วยตาเปล่า
ยกเว้นที่ จ.ขอนแก่น ผมเห็นลักษณะเหมือนไข่สีส้ม ๆ มีแสงสว่างของมันเอง วิ่งไปช้า ๆ แต่ที่แปลกก็คือ มันมีแสงสว่างเล็กๆ 5 ดวงวิ่งไปวิ่งมารอบ ๆ รูปไข่ที่กำลังวิ่งไป แสงนั้นเป็นแสงสีขาว ๆ เหลือง ๆ ไม่เหมือนยานแม่รูปไข่
นอกนั้นผมจะเห็นแสงสว่างเหมือนดาวมากกว่า คือเล็กมาก วิ่งในลักษณะไม่เหมือนกับดาว เพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วก็เปลี่ยนทิศทางเป็นมุมฉาก 90 องศา โดยไม่มีการโค้งหรือช้าลงเลย...”
...นี่เป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีการระบุว่าเป็นคำกล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนาครั้งแรกเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ทรงคุณวุฒิในวงการวิทยาศาสตร์ของไทย ซึ่งเคยร่วมโครงการสำคัญ ๆ กับทางนาซา หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ
มีจานบินหรือ “ยูเอฟโอ (UFO)” ก็ต้องมีมนุษย์ต่างดาว ?!?
นักวิชาการอีกคนหนึ่งซึ่งให้ความสนใจเรื่อง “มนุษย์ต่างดาว” มาก คือ ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยา ศาสตร์ทางจิต ซึ่ง ศ.ดร.เทพนมได้เคยระบุไว้ว่า...เคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง “โทรจิต” หรือการทำสมาธิหลายครั้ง และว่าในต่างประเทศก็มีการทำกันอยู่
ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 เมื่อปลายปี 2547 ศ.ดร.เทพนมระบุไว้ว่า... เคยได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวว่าเคยมาที่เมืองไทยตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว และพบหลักฐานปรากฏอยู่ในถ้ำบนยอดเขาที่ จ.กาญจนบุรี เป็นภาพที่วาดโดยมนุษย์ถ้ำ ประมาณ 100 กว่าภาพ เป็นภาพ “มนุษย์ต่างดาวตากลมโต” ซึ่งทางกรมศิลปากรเอาหินในถ้ำไปตรวจก็พบว่ามีอายุประมาณ 5,000 ปี
ที่ จ.เชียงใหม่ ก็มีการระบุว่าจานบินของมนุษย์ต่างดาวเคยมาตกเมื่อต้นปี 2541 ถึงขั้นสหรัฐส่งทีมมาสำรวจ...แต่ไม่พบ อย่างไรก็ตาม ศ.ดร. เทพนมบอกไว้ว่าได้ไปลองหาจนเจออยู่ในเขตป่าสงวนฯ !?!
ไม่เท่านั้น...ยังมีการระบุว่าตอนที่ทางนาซามาประชุมในไทยที่มหาวิทยาลัยฯสุรนารี จ.นครราชสีมา ครั้งนั้นก็มีจานบินมาปรากฏ ซึ่งถ้าเป็นเช่นที่ว่ามาจริง ๆ ก็หมายถึง “มนุษย์ต่างดาว” มาเมืองไทยบ่อย ?!?
นอกเหนือจากเรื่องราว “มนุษย์ต่างดาว” ที่เคยถ่ายทอดไว้ ซึ่งมีทั้งที่ระบุว่าเป็นประสบการณ์และรับทราบจากผู้อื่น ศ.ดร.เทพนมยังเคยบอกไว้ด้วยว่า...ในต่างประเทศแบ่งมนุษย์ต่างดาวเป็น 6 กลุ่มตามรูปร่างลักษณะคือ... 1.เหมือนมนุษย์, 
2.คล้ายมนุษย์...แต่ผิวหนังเป็นสีเทา, 
3.คล้ายสัตว์, 
4.คล้ายหุ่นยนต์,
 5.รูปร่างประหลาด,
6.คล้ายผี ซึ่งที่ว่ามาป้วนเปี้ยนในนาข้าวที่เชียงรายเหมือนหาของที่ทำตก...ไม่รู้กลุ่มไหน ??
สรุป มนุษย์ต่างดาวคือคนจากอนาคต 
 จานบินที่เราเห็นรูปก็เครื่องย้อนเวลานั้นเอง มีผู้มากหลายที่บอกตนเองว่าเป็นผู้ติดต่อกับจาบิน มนุษย์ดาว เราเรียกคนพวกนั้นว่าผู้ส่งสาร มาเตือนคนจากอดีต เพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงอนาคต ของพวกเขา
 คนจากอนาคต ก็ คือมนุษย์ต่างดาวนั้นเอง แต่ ต่างกันคนล่ะช่วงเวลา
หรือ เรื่องทั้งหมดที่ กล่าวมาจะเป็นเพียงเรื่องโกหกจากนาซาทั้งสิ้น
  ลองมาคิดดูเล่นๆน่ะที่เขาปล่อยเรื่องพวกนี้ออกมาก็เพราะจะให้มีการทำจรวดเพื่อการค้าขาย เพราะว่า
นาซาต้องการเงินของรัฐบาลอยู่นั้นเอง ล่ัััะ
เรื่องที่ว่ามานั้นทั้งหมดเป็นเรื่องที่เราคิดและเขียนในความเข้าใจของเราเอง